Bounce Rate คืออะไร
Bounce Rate คือ อัตราการตีกลับ ของผู้ใช้งานเมื่อเข้ามายังหน้าเว็บเพจแล้วออกไปโดยไม่มีการโต้ตอบอื่นๆ เช่น คลิกลิงก์ภายในเว็บไซต์หรือดูหน้าอื่นๆ อัตรานี้คำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ โดย Google Analytics จะใช้จำนวนเซสชันที่มีการออกจากหน้าแรกทันที หารด้วยจำนวนเซสชันทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น หากมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ 100 คน และ 60 คนออกจากเว็บไซต์ทันทีโดยไม่คลิกไปหน้าอื่น ๆ ค่า Bounce Rate จะเท่ากับ 60%
Bounce Rate ที่เหมาะสมเป็นเท่าไหร่
ค่า Bounce Rate ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับประเภทของเว็บไซต์:
- เว็บไซต์ข้อมูล/บล็อก: 40-60%
- เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ: 20-40%
- หน้า Landing Page เดี่ยว: อาจสูงถึง 70-90%
หาก Bounce Rate สูงเกินไป อาจเป็นสัญญาณว่าเว็บไซต์มีปัญหาที่ต้องแก้ไข เช่น โหลดช้า หรือไม่มีเนื้อหาที่ดึงดูดผู้ใช้ให้อยู่ต่อ
สาเหตุที่ทำให้ Bounce Rate สูง
Bounce Rate สูงอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น:
- เว็บไซต์โหลดช้า – ผู้ใช้มักจะออกจากเว็บหากหน้าเว็บโหลดเกิน 3 วินาที
- เนื้อหาไม่น่าสนใจ – หากข้อมูลไม่น่าสนใจหรือไม่ตรงกับความต้องการ ผู้ใช้จะออกทันที
- โครงสร้างเว็บใช้งานยาก – เมนูซับซ้อน หรือไม่มี Call-to-Action (CTA) ที่ชัดเจน
- ไม่มีลิงก์ไปยังหน้าอื่น – หากไม่มี Internal Links ผู้ใช้จะไม่มีทางเลือกในการสำรวจเพิ่มเติม
- ประสบการณ์บนมือถือไม่ดี – เว็บไซต์ที่ไม่รองรับมือถือมักทำให้ผู้ใช้กดออกทันที
วิธีลด Bounce Rate และปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้
1. ปรับปรุงความเร็วในการโหลดเว็บไซต์
- ใช้ Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบความเร็วและแนวทางปรับปรุง
- บีบอัดรูปภาพให้ขนาดเล็กลง เช่น ใช้ WebP แทน PNG/JPEG
- เปิดใช้งาน Browser Caching และ CDN เพื่อลดเวลาโหลด
2. สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและตรงกลุ่มเป้าหมาย
- ใช้ Heading (H1, H2, H3) เพื่อจัดระเบียบเนื้อหาให้เข้าใจง่าย
- เพิ่ม รูปภาพ วิดีโอ และอินโฟกราฟิก เพื่อทำให้เนื้อหาดูน่าสนใจ
- ใช้ ภาษาที่กระชับและดึงดูด ให้ผู้ใช้สนใจอ่านต่อ
3. ปรับปรุง UX/UI และการออกแบบเว็บไซต์
- ออกแบบเว็บไซต์ให้ ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้
- ทำให้ปุ่ม Call-to-Action (CTA) ชัดเจน เช่น “อ่านเพิ่มเติม” หรือ “ซื้อเลย”
- ใช้ Internal Links เชื่อมโยงเนื้อหาให้ผู้ใช้สามารถคลิกไปหน้าอื่นได้
4. ใช้ Responsive Design ให้เว็บไซต์แสดงผลดีบนทุกอุปกรณ์
- ลดป๊อปอัปที่รบกวนการใช้งานบนมือถือ
- ตรวจสอบด้วย Google Mobile-Friendly Test
5. เพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
- แสดง รีวิวและคำรับรองจากลูกค้า
- ใช้ HTTPS (SSL Certificate) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
- มีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เช่น หน้า “เกี่ยวกับเรา” และ “ติดต่อเรา”
Bounce Rate เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของคุณอย่างไร หากค่านี้สูง อาจเป็นสัญญาณว่าต้องปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ การออกแบบ UX/UI และเนื้อหาเพื่อให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดีขึ้น การปรับปรุงปัจจัยเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลด Bounce Rate แต่ยังช่วยเพิ่ม Conversion Rate และอันดับ SEO อีกด้วย
สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่อยากเสียเวลานั่งทำ SEO ด้วยตนเอง สามารถปรึกษาเราได้ฟรีด้วยบริการ รับทำ SEO ซึ่งเราจะ รับทำ SEO สายขาว ให้กับเว็บไซต์ของลูกค้าเพื่อเน้นผลลัพธ์ที่ยั่งยืน สนใจรับบริการหรือสอบถามบริการ รับจ้างทำ SEO สามารถติดต่อเราผ่านทาง Line@ ได้เลยครับ
- Mobile-Friendly มีผลต่อ SEO อย่างไร - April 29, 2025
- คำศัพท์ SEO ที่มือใหม่ควรรู้ 2025 - April 29, 2025
- ความสำคัญของ Meta Title และ Meta Description - April 29, 2025