หากคุณทำ SEO หรือดูแลเว็บไซต์ในยุคนี้ คงเคยได้ยินคำว่า E-E-A-T บ่อยขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อ Google เน้นคุณภาพของเนื้อหามากกว่าการใช้เทคนิคแบบเดิม ๆ แล้ว E-E-A-T คืออะไร? ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์อย่างไร? และคุณจะนำหลักการนี้ไปใช้ได้อย่างไร? มาหาคำตอบในบทความนี้ครับ
E-E-A-T คืออะไร?
E-E-A-T ย่อมาจาก:
E = Experience (ประสบการณ์จากผู้เขียน)
E = Expertise (ความเชี่ยวชาญ)
A = Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือ)
T = Trustworthiness (ความไว้ใจได้)
แนวคิด E-E-A-T เป็นหลักการที่ Google ใช้ในการประเมินว่าเนื้อหาในเว็บไซต์มี คุณภาพและเชื่อถือได้หรือไม่ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการแพทย์ การเงิน กฎหมาย หรือข้อมูลที่ส่งผลต่อชีวิตผู้คน (เรียกว่า YMYL – Your Money or Your Life)
อธิบายแต่ละองค์ประกอบของ E-E-A-T
1. Experience (ประสบการณ์ตรงของผู้เขียน)
Google เริ่มให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์ของผู้เขียน” มากขึ้น เช่น หากรีวิวสินค้า ควรเป็นคนที่เคยใช้สินค้านั้นจริง ๆ หรือมีประสบการณ์ตรงในสถานการณ์นั้น ๆ
ตัวอย่างการแสดงประสบการณ์:
รีวิวที่มีภาพถ่ายจากการใช้งานจริง
การเล่าประสบการณ์ส่วนตัวหรือกรณีศึกษา
วิดีโอสาธิตการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ
2. Expertise (ความเชี่ยวชาญ)
ความรู้ความสามารถของผู้เขียนหรือผู้ให้ข้อมูลต้องตรงกับหัวข้อ เช่น:
บทความสุขภาพควรเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
ข้อมูลการเงินควรมาจากที่ปรึกษาการเงินหรือผู้มีประสบการณ์ในวงการ
3. Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์และผู้เขียน)
Google พิจารณาว่าเว็บไซต์และผู้เขียนเป็นแหล่งข้อมูลที่ “คนอื่นเชื่อถือหรือไม่” เช่น:
มีคนพูดถึงหรืออ้างอิงเว็บไซต์ของคุณหรือไม่?
ผู้เขียนเคยเผยแพร่บทความในเว็บใหญ่ ๆ มาก่อนหรือเปล่า?
เว็บไซต์มีประวัติการให้ข้อมูลที่แม่นยำหรือไม่?
4. Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือโดยรวม)
องค์ประกอบนี้คือ “ความไว้ใจได้” ของเว็บไซต์ เช่น:
เว็บไซต์มีการเข้ารหัส HTTPS หรือไม่?
มีหน้าติดต่อชัดเจน มีที่อยู่/เบอร์โทร?
เงื่อนไขการคืนสินค้า ข้อมูลความเป็นส่วนตัวครบถ้วนหรือเปล่า?
ทำไม E-E-A-T ถึงสำคัญต่อ SEO?
1. เป็นปัจจัยในการจัดอันดับของ Google
แม้ E-E-A-T จะไม่ใช่ “สัญญาณจัดอันดับโดยตรง” (Ranking Signal) แบบ Page Speed หรือ Backlink แต่ Google ใช้ในการประเมิน “คุณภาพของหน้าเว็บ” โดยรวม ซึ่งส่งผลต่ออันดับใน Search Engine
2. ช่วยให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือในสายตาผู้ใช้งาน
ผู้ใช้งานยิ่งมั่นใจในเว็บไซต์ที่แสดงความเชี่ยวชาญและความโปร่งใส → มีโอกาสอ่านต่อ, แชร์บทความ หรือกลายเป็นลูกค้า
3. สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ประเภท YMYL
เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับ เงิน สุขภาพ กฎหมาย หากไม่มี E-E-A-T ที่ดี มีโอกาสสูงที่จะ ไม่ติดอันดับเลย หรือโดนลดอันดับอย่างหนัก
วิธีเพิ่ม E-E-A-T ให้เว็บไซต์ของคุณ
1. แสดงชื่อและประวัติผู้เขียน (Author Bio)
เพิ่มประวัติผู้เขียนในแต่ละบทความ
ระบุประสบการณ์ หรือคุณสมบัติของผู้เขียนให้ชัดเจน
หากเป็นผู้เชี่ยวชาญ ควรใส่ลิงก์ไปยังแหล่งอ้างอิงหรือผลงานอื่น ๆ
2. เพิ่มหน้า “เกี่ยวกับเรา” และ “ติดต่อเรา”
ให้ข้อมูลทีมงานหรือเจ้าของเว็บไซต์
มีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน
ระบุที่อยู่จริงหรือบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้อง
3. ใช้แหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้
ใส่ลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลทางวิชาการ, เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐ, หรือองค์กรระดับโลก
หลีกเลี่ยงการอ้างอิงเว็บไซต์คุณภาพต่ำ
4. รักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์
ติดตั้ง SSL (https)
ป้องกันมัลแวร์ และหลีกเลี่ยงการแสดงโฆษณา/ป็อปอัพที่รบกวนผู้ใช้งาน
5. สร้าง Content ที่มีคุณภาพสูงและไม่ซ้ำใคร
เนื้อหาต้องลึกและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
เขียนด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย
อัปเดตบทความเก่าให้เป็นข้อมูลใหม่เสมอ
E-E-A-T ไม่ใช่เทคนิคลับ แต่เป็นหลักการพื้นฐานของความน่าเชื่อถือในการให้ข้อมูล ถ้าคุณต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับแบบยั่งยืน การพัฒนาเนื้อหาที่แสดงความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์จริง โปร่งใส และให้คุณค่า คือแนวทางที่ Google ชื่นชอบและผู้ใช้ไว้วางใจ
สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่อยากเสียเวลานั่งทำ SEO ด้วยตนเอง สามารถปรึกษาเราได้ฟรีด้วยบริการ รับทำ SEO ซึ่งเราจะ รับทำ SEO สายขาว ให้กับเว็บไซต์ของลูกค้าเพื่อเน้นผลลัพธ์ที่ยั่งยืน สนใจรับบริการหรือสอบถามบริการ รับจ้างทำ SEO สามารถติดต่อเราผ่านทาง Line@ ได้เลยครับ
- Mobile-Friendly มีผลต่อ SEO อย่างไร - April 29, 2025
- คำศัพท์ SEO ที่มือใหม่ควรรู้ 2025 - April 29, 2025
- ความสำคัญของ Meta Title และ Meta Description - April 29, 2025