ในการทำเว็บไซต์ยุคดิจิทัล เครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้วิเคราะห์และติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งาน เช่น Google Analytics, Facebook Pixel หรือโค้ด Conversion Tracking ต่าง ๆ ล้วนต้องใส่ "โค้ด" เข้าไปในเว็บไซต์ และถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องเขียนโค้ด การใช้ Google Tag Manager (GTM) จะช่วยให้งานเหล่านี้ง่ายขึ้นมาก แล้ว Google Tag Manager คืออะไร? มาหาคำตอบกันครับ
Google Tag Manager คืออะไร?
Google Tag Manager (GTM) คือเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้คุณสามารถ จัดการโค้ดติดตามต่าง ๆ (Tags) บนเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดเว็บไซต์โดยตรงทุกครั้ง
เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย:
หากเปรียบเว็บไซต์เป็นบ้าน
โค้ดติดตาม (Tag) คือกล้องวงจรปิดที่คุณติดไว้ตามจุดต่าง ๆ
GTM คือระบบควบคุมที่รวมกล้องทั้งหมดไว้ในจุดเดียว ไม่ต้องเดินสายใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนกล้อง
องค์ประกอบหลักของ Google Tag Manager
1. Tag
โค้ดที่ใช้สำหรับติดตามพฤติกรรม เช่น Google Analytics, Facebook Pixel, TikTok Pixel, Google Ads Conversion ฯลฯ
2. Trigger
กฎที่ใช้กำหนดว่าเมื่อไรจะให้ Tag ทำงาน เช่น เมื่อโหลดหน้าเว็บ, เมื่อคลิกปุ่ม, เมื่อส่งฟอร์ม
3. Variable
ค่าต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกับ Tag และ Trigger เช่น URL ของหน้า, ชื่อคลาสของปุ่ม, หรือค่าจากฟอร์ม
ข้อดีของการใช้ Google Tag Manager
1. ไม่ต้องพึ่งนักพัฒนาเว็บทุกครั้ง
คุณสามารถเพิ่ม/แก้ไข/ลบโค้ดติดตามได้จากหน้า GTM โดยไม่ต้องแตะโค้ดเว็บไซต์ → ลดภาระและเพิ่มความเร็วในการทำงาน
2. เพิ่มความเร็วเว็บไซต์
GTM โหลดโค้ดแบบ Asynchronous (ไม่รบกวนการโหลดหน้าเว็บ) ทำให้เว็บไซต์เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการใส่โค้ดแบบดั้งเดิม
3. จัดการโค้ดอย่างเป็นระบบ
ไม่ต้องวางโค้ดกระจัดกระจายทั่วเว็บไซต์ ช่วยให้ดูแลและตรวจสอบได้ง่าย
4. รองรับเครื่องมือวิเคราะห์และโฆษณาหลายแพลตฟอร์ม
GTM รองรับ Tag จากหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น:
Google Analytics (GA4)
Google Ads
Facebook Pixel
Hotjar
TikTok Pixel
LinkedIn Insight Tag
ตัวอย่างการใช้งาน Google Tag Manager
1. ติดตั้ง Google Analytics แบบไม่แตะโค้ดเว็บไซต์
เพียงเพิ่ม GA4 Measurement ID ใน GTM แล้วกำหนด Trigger ให้ทำงานเมื่อเปิดทุกหน้าเว็บ
2. ตั้งค่า Conversion Tracking สำหรับ Google Ads
เมื่อมีคนกรอกฟอร์ม → GTM จะยิง Tag เพื่อแจ้ง Google Ads ว่าเกิด Conversion แล้ว
3. ติดตามการคลิกปุ่ม/ลิงก์สำคัญ
GTM ช่วยติดตามว่า:
ผู้ใช้งานคลิกปุ่ม “ซื้อเลย” หรือไม่
คลิกลิงก์ออกนอกเว็บไซต์หรือไม่
กรอกฟอร์มและกดส่งหรือไม่
วิธีเริ่มต้นใช้งาน Google Tag Manager
1. สมัครและสร้างบัญชี GTM
เข้าเว็บไซต์ https://tagmanager.google.com → สร้างบัญชีและ Container สำหรับเว็บไซต์
2. ติดตั้ง GTM Code ในเว็บไซต์
Google จะให้โค้ด 2 ชุด ให้นำไปวางไว้ใน <head>
และ <body>
ของเว็บไซต์
3. เพิ่ม Tag แรก (เช่น Google Analytics GA4)
ตั้งชื่อ Tag
ใส่รหัส Measurement ID
ตั้ง Trigger ให้ยิงทุกหน้า (All Pages)
4. ทดสอบและเผยแพร่
ใช้ Preview Mode เพื่อดูว่า Tag ทำงานหรือยัง จากนั้นกด “Submit” เพื่อเผยแพร่
ข้อควรระวังในการใช้ Google Tag Manager
1. อย่าลืมทดสอบก่อนเผยแพร่
ทุกครั้งที่เพิ่ม Tag ใหม่ ควรใช้โหมด Preview ตรวจสอบว่าทำงานถูกต้องก่อนกด Submit
2. ไม่ควรใส่โค้ดซ้ำซ้อนกับในเว็บไซต์โดยตรง
เช่น อย่าติด Google Analytics ทั้งใน GTM และในโค้ดเว็บพร้อมกัน เพราะอาจทำให้ข้อมูลซ้ำ
3. จัดการ Tag และ Trigger ให้เป็นระบบ
ตั้งชื่อ Tag/Trigger/Variable อย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้ง่ายต่อการแก้ไขในอนาคต
Google Tag Manager เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักการตลาด, นักวิเคราะห์ข้อมูล, และเจ้าของเว็บไซต์สามารถ จัดการโค้ดติดตามได้อย่างเป็นระบบ ไม่ต้องแตะโค้ดทุกครั้งที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ลดเวลา ลดความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพในการวัดผลการตลาดและพฤติกรรมผู้ใช้งานได้อย่างมืออาชีพ
สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่อยากเสียเวลานั่งทำ SEO ด้วยตนเอง สามารถปรึกษาเราด้วยบริการ รับทำ SEO ซึ่งเราจะ รับทำ SEO สายขาว ให้กับเว็บไซต์ของลูกค้าเพื่อเน้นผลลัพธ์ที่ยั่งยืน สนใจรับบริการหรือสอบถามบริการ รับจ้างทำ SEO สามารถติดต่อเราผ่านทาง Line@ ได้เลยครับ
- Mobile-Friendly มีผลต่อ SEO อย่างไร - April 29, 2025
- คำศัพท์ SEO ที่มือใหม่ควรรู้ 2025 - April 29, 2025
- ความสำคัญของ Meta Title และ Meta Description - April 29, 2025