ในการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google มี 2 ส่วนหลักที่ต้องใส่ใจคือ On-Page SEO และ Off-Page SEO ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่เราควบคุมได้โดยตรงและควรเริ่มต้นก่อนเสมอก็คือ On-Page SEO แล้ว On-Page SEO คืออะไร? มีอะไรบ้างที่ต้องปรับ? บทความนี้มีคำตอบครับ
On-Page SEO คืออะไร?
On-Page SEO คือการปรับแต่ง “ภายในเว็บไซต์” ให้สอดคล้องกับหลักการของ Search Engine และตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เพื่อให้เว็บไซต์สามารถ ติดอันดับ ได้ดีในหน้าผลการค้นหา (SERP: Search Engine Results Page)
สิ่งที่อยู่ในขอบเขตของ On-Page SEO:
โครงสร้างของเว็บไซต์
เนื้อหาบนหน้าเพจ
การใช้คีย์เวิร์ด
Tag ต่าง ๆ เช่น Title, Meta, Header
ความเร็วเว็บไซต์
ความเป็นมิตรต่อมือถือ (Mobile-Friendly)
ความสำคัญของ On-Page SEO
1. เป็นพื้นฐานที่ Search Engine ใช้ประเมินเว็บไซต์
Google จะสแกนข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์โดยตรง เช่น คีย์เวิร์ด, โครงสร้าง HTML, ความเร็วการโหลด ฯลฯ → เพื่อจัดอันดับหน้าเว็บในผลการค้นหา
2. ช่วยให้ผู้ใช้งานใช้งานเว็บไซต์ได้ดีขึ้น
On-Page SEO ที่ดี ไม่ใช่แค่เอื้อให้ติดอันดับ แต่ยังทำให้ผู้ใช้ อ่านง่าย คลิกง่าย อยู่ในเว็บนาน ซึ่งส่งผลดีต่ออันดับ SEO ทางอ้อม
องค์ประกอบหลักของ On-Page SEO
1. Title Tag (ชื่อเรื่อง)
เป็นหัวข้อหลักที่แสดงในหน้าผลการค้นหา
ควรมี คีย์เวิร์ดหลัก อยู่ใน Title
ความยาวที่เหมาะสม: ไม่เกิน 60 ตัวอักษร
ควรดึงดูดและสื่อสารตรงประเด็น
2. Meta Description
คำอธิบายสั้น ๆ ใต้ลิงก์ใน Google
ไม่ส่งผลต่ออันดับโดยตรง แต่มีผลต่อ CTR (อัตราการคลิก)
ควรมีความยาว 130–160 ตัวอักษร และใส่คีย์เวิร์ดด้วย
3. Heading Tags (H1, H2, H3…)
H1 ควรใช้เพียง 1 ครั้งต่อหน้า เป็นหัวเรื่องหลัก
H2, H3 ใช้แยกหัวข้อย่อยอย่างเป็นระเบียบ
ช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเนื้อหา
4. คีย์เวิร์ด (Keywords)
ควรใส่คีย์เวิร์ดใน Title, H1, Meta, URL, ย่อหน้าแรก และภาพ
หลีกเลี่ยงการทำ Keyword Stuffing (ยัดคีย์เวิร์ดมากเกินไป)
ใช้ LSI Keywords (คำที่เกี่ยวข้อง) เพื่อขยายความหมาย
5. URL ที่เป็นมิตร (SEO-Friendly URL)
สั้น กระชับ มีคีย์เวิร์ด
หลีกเลี่ยงการใช้รหัสหรืออักขระพิเศษ
ตัวอย่างที่ดี:
www.example.com/เรียน-seo
ปัจจัยทางเทคนิคใน On-Page SEO
1. ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ (Page Speed)
เว็บไซต์ที่โหลดเร็ว = ผู้ใช้งานพึงพอใจ = Google จัดอันดับดีขึ้น
→ ใช้เครื่องมือเช่น PageSpeed Insights
2. Mobile-Friendly (รองรับมือถือ)
เว็บไซต์ต้องแสดงผลได้ดีบนมือถือ
ใช้ Responsive Design
ตรวจสอบผ่าน Google Mobile-Friendly Test
3. โครงสร้างลิงก์ภายใน (Internal Linking)
เชื่อมโยงหน้าต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์
ช่วยกระจายค่า SEO (Link Juice)
ช่วยให้ผู้ใช้งานอยู่ในเว็บนานขึ้น
4. รูปภาพและ ALT Text
ใส่ ALT Text เพื่ออธิบายรูปภาพให้ Google เข้าใจ
ช่วยเพิ่มโอกาสในการแสดงผลใน Google Images
ควรบีบอัดรูปให้ขนาดเล็กเพื่อเพิ่มความเร็ว
ตัวอย่างการทำ On-Page SEO ที่ดี
บทความหัวข้อ “วิธีเลือกไม้แบดมินตันสำหรับมือใหม่”
Title: “เลือกไม้แบดมินตันยังไง? แนะนำสำหรับมือใหม่ปี 2025”
Meta Description: “แนะนำวิธีเลือกไม้แบดมินตันให้เหมาะกับมือใหม่ พร้อมรุ่นยอดนิยมในปี 2025 ที่เล่นง่ายและคุ้มค่า”
H1: วิธีเลือกไม้แบดมินตันสำหรับมือใหม่
คีย์เวิร์ด: ไม้แบดมินตัน, มือใหม่, แนะนำไม้แบด
URL:
www.example.com/ไม้แบดมินตัน-มือใหม่
เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ On-Page SEO
เครื่องมือ | ความสามารถหลัก |
---|---|
Google Search Console | ตรวจสอบ Indexing, Errors, Clicks |
Yoast SEO (WordPress) | วิเคราะห์ SEO On-Page แบบเรียลไทม์ |
Rank Math | วิเคราะห์โครงสร้าง SEO ในบทความ |
Screaming Frog | วิเคราะห์โครงสร้างเว็บ SEO ทั้งระบบ |
Surfer SEO | วิเคราะห์ความเหมาะสมของคอนเทนต์กับคีย์เวิร์ด |
On-Page SEO คือการดูแลเว็บไซต์ให้เหมาะกับทั้ง Google และผู้ใช้งาน ซึ่งเป็น ขั้นตอนแรกที่ทุกเว็บไซต์ต้องใส่ใจ ก่อนจะไปทำ Off-Page หรือยิงโฆษณา การปรับเพจให้โหลดเร็ว อ่านง่าย และมีคีย์เวิร์ดตรงกลุ่มเป้าหมาย คือทางลัดที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาส ติดหน้าแรก Google ได้แบบยั่งยืน
แต่ถ้าใครไม่มีความรู้ทางด้าน SEO เลย และอยากให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณติดหน้าแรก Google สามารถปรึกษาเราพร้อมกับบริการ รับทำ SEO ติดหน้าแรก Google ด้วยเทคนิคสายขาว ติดอันดับนานกว่าเทคนิคอื่นๆ ธุรกิจน่าเชื่อถือ สร้างกำไรในระยะยาว หากใครสนใจบริการ รับจ้างทำ SEO ติดต่อเราได้ที่ Line@
- Mobile-Friendly มีผลต่อ SEO อย่างไร - April 29, 2025
- คำศัพท์ SEO ที่มือใหม่ควรรู้ 2025 - April 29, 2025
- ความสำคัญของ Meta Title และ Meta Description - April 29, 2025