ความแตกต่างระหว่าง SEO กับ SEM แบบไหนดีกว่า?

SEO (Search Engine Optimization) และ SEM (Search Engine Marketing) เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้ในการเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์บนเสิร์ชเอนจิน เช่น Google แม้ว่าทั้งสองแนวทางจะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่าง SEO และ SEM รวมถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

1. SEO คืออะไร?

SEO เป็นกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเสิร์ชเอนจินโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา หรือที่เรียกว่า Organic Search ซึ่งใช้เทคนิคหลักๆ ดังนี้:

  • On-Page SEO: การปรับแต่งโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์ เช่น การใช้คีย์เวิร์ด การปรับปรุง Title Tag, Meta Description และ Internal Links
  • Off-Page SEO: การสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ภายนอก (Backlinks) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • Technical SEO: การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ เช่น ความเร็วเว็บไซต์ การรองรับมือถือ และการใช้ Schema Markup

ข้อดีของ SEO

  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว (ไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาเมื่อได้อันดับแล้ว)
  • ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน (หากเว็บไซต์มีคุณภาพ อันดับจะคงอยู่ได้นาน)
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ (ผู้ใช้มักเชื่อถือผลการค้นหาแบบออร์แกนิกมากกว่าการโฆษณา)

ข้อเสียของ SEO

  • ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล (อาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือปีขึ้นอยู่กับการแข่งขัน)
  • ต้องอัปเดตและปรับปรุงเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
  • มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะคีย์เวิร์ดที่ได้รับความนิยม

2. SEM คืออะไร?

SEM คือการทำโฆษณาบนเสิร์ชเอนจินเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับในตำแหน่งโฆษณา (Paid Search) เช่น การใช้ Google Ads เพื่อให้เว็บไซต์แสดงผลในส่วนที่เป็นโฆษณาด้านบนของหน้าผลการค้นหา

ข้อดีของ SEM

  • เห็นผลลัพธ์เร็ว (สามารถขึ้นอันดับได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเปิดแคมเปญ)
  • สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ (เช่น เลือกแสดงโฆษณาให้กับผู้ใช้ตามพฤติกรรมและพื้นที่)
  • สามารถควบคุมงบประมาณได้ (ตั้งค่า Budget ตามที่ต้องการและสามารถหยุดโฆษณาได้ตลอดเวลา)

ข้อเสียของ SEM

  • มีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะเมื่อแข่งขันในคีย์เวิร์ดยอดนิยม
  • เมื่อหยุดโฆษณา ทราฟฟิกก็จะหายไปทันที
  • ผู้ใช้บางคนอาจไม่คลิกโฆษณา เพราะเชื่อถือผลการค้นหาแบบออร์แกนิกมากกว่า

3. SEO vs SEM: อะไรดีกว่ากัน?

ปัจจัยSEOSEM
ค่าใช้จ่ายฟรี (แต่ต้องลงทุนด้านเวลาและเนื้อหา)มีค่าใช้จ่ายตามคลิก (PPC)
ระยะเวลาเห็นผลนาน (อาจใช้เวลาหลายเดือน)เร็ว (เห็นผลทันทีหลังจากลงโฆษณา)
ความยั่งยืนยั่งยืนในระยะยาวหยุดโฆษณาแล้ว ทราฟฟิกหายไปทันที
การแข่งขันแข่งขันสูงโดยเฉพาะคีย์เวิร์ดยอดนิยมสามารถแข่งขันได้โดยใช้เงินเพิ่ม
ความน่าเชื่อถือผู้ใช้มักเชื่อถือผลลัพธ์แบบออร์แกนิกมากกว่าโฆษณามีโอกาสถูกมองข้ามได้

 

4. ควรเลือก SEO หรือ SEM?

  • หากต้องการ ผลลัพธ์ระยะยาว และมีเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ SEO เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
  • หากต้องการ ทราฟฟิกแบบทันที และมีงบประมาณสำหรับโฆษณา SEM เหมาะกับคุณ
  • ธุรกิจจำนวนมากใช้ SEO และ SEM ควบคู่กัน โดยใช้ SEM ดึงดูดทราฟฟิกระยะสั้น ในขณะที่ลงทุนทำ SEO เพื่อสร้างผลลัพธ์ในระยะยาว

 

SEO และ SEM มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน หากต้องการเพิ่มการมองเห็นในระยะยาวโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา SEO เป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและสามารถลงทุนกับโฆษณาได้ SEM เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและงบประมาณของธุรกิจคุณ

สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่อยากเสียเวลานั่งทำ SEO ด้วยตนเอง สามารถปรึกษาเราได้ฟรีด้วยบริการ รับทำ SEO ซึ่งเราจะ รับทำ SEO สายขาว ให้กับเว็บไซต์ของลูกค้าเพื่อเน้นผลลัพธ์ที่ยั่งยืน สนใจรับบริการหรือสอบถามบริการ รับจ้างทำ SEO สามารถติดต่อเราผ่านทาง Line@ ได้เลยครับ

SEO Labour